หัวข้อ
- #ร้านอาหาร
- #การตลาด
- #แฟรนไชส์
สร้าง: 2024-01-17
สร้าง: 2024-01-17 14:50
ขณะที่ทำการตลาดแบรนด์ในกลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์และร้านอาหาร ผมเลยคิดว่าเคล็ดลับเหล่านี้ก็น่าสนใจดี เลยลองเขียนดู
>
"จะล่อลูกค้าให้มาที่ร้านเราได้ยังไง?!!!"
1. เมนูซิกเนเจอร์
* กินด้วยตา
จากการไปทานร้านอาหารอร่อยๆ หลายๆ ที่ ผมรู้สึกว่ารสชาติส่วนใหญ่ก็คล้ายๆ กันนะ ลองชิมดูก็รู้ว่าเป็นรสชาติแบบไหน แต่เรื่องภาพลักษณ์นี่สิ กระตุ้นต่อมน้ำลายสุดๆ ดูแล้วอยากลองชิม อยากถ่ายรูปเก็บไว้
ตรงนี้แหละที่คำว่า "อยากถ่ายรูปเก็บไว้" สำคัญ
เนื่องจากโซเชียลมีเดียต่างๆ กำลังพัฒนาไปในทิศทางที่เป็นเหมือนห้องสมุดส่วนบุคคลของแต่ละคน โดยปรับให้เหมาะสมกับความสนใจและข้อมูลอื่นๆ ของผู้ใช้ ทำให้มีการแสดงผลเนื้อหาในเส้นทางเดียวกันหรือหมวดหมู่ที่คล้ายกัน แต่ในกรณีนี้ หากต้องการให้เนื้อหาเข้าไปอยู่ในห้องสมุดส่วนบุคคลของผู้ใช้ ภาพลักษณ์ก็มีความสำคัญมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ ร้านอาหารส่วนใหญ่จึงมีเมนูซิกเนเจอร์ (อาหารจานเด่น) ของตัวเอง และขุดเอาจุดนั้นมาสร้างคีย์เวิร์ดใหม่ๆ ต่อไป
เมนูซิกเนเจอร์ของ '핏제리아오' (Pitzeriao) ที่ตั้งอยู่ในย่านแดฮักโน - พิซซ่าล็อบสเตอร์ (มอบทั้งภาพลักษณ์และรสชาติที่น่าสนใจตั้งแต่ก่อนทาน ด้วยล็อบสเตอร์และแป้งพิซซ่าที่เหนียวนุ่ม ซึ่งเป็นคอนเทนต์ (อาหาร) ที่ยอดเยี่ยม)
2. มุมถ่ายรูป
* สร้างโอกาสให้ลูกค้าจดบันทึกความทรงจำ
ในยุคนี้ ร้านอาหารที่ไม่อร่อยแทบจะหาไม่เจอแล้ว อาหารอร่อยๆ มีเยอะแยะไปหมด ตอนที่ผมอยู่แถวๆ สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินฮงแด ผมก็ไปกินร้านอร่อยๆ ในย่านยอนนัม ฮงแด ฮับจอง มังวอน ซังซู บ่อยมาก แต่สุดท้ายก็จำร้านอาหารได้ไม่กี่ร้าน ร้านอาหารที่ผมจำได้ส่วนใหญ่ก็เป็นร้านที่มีองค์ประกอบที่ทำให้ผมต้องถ่ายรูป และเป็นร้านที่ให้เหตุผลที่ผมจะต้องโพสต์ในกลุ่มแชทหรืออินสตาแกรม โดยเฉพาะร้านที่มีมุมถ่ายรูป มันทำให้ผมและสาวที่กำลังจีบ หรือตอนที่ไปนัดพบกับใครสักคนที่รู้สึกอึดอัด มีกิจกรรมสนุกๆ ทำระหว่างรออาหาร และสร้างความทรงจำ (แต่ความทรงจำของสาวที่กำลังจีบนั้นก็เป็นแค่ความทรงจำของเขาเอง... ㅠ พอต้องลืม ก็ต้องเจ็บปวดอีก )
เอาล่ะ ถ้าเราจัดเตรียมมุมหรือกิจกรรมสนุกๆ ให้ลูกค้าได้ทำระหว่างรออาหาร หรือสร้างสถานที่ให้เขาบันทึกความทรงจำได้ เขาก็จะโพสต์ลงโซเชียลมีเดียโดยธรรมชาติ เราสามารถใช้ประโยชน์จากจุดนี้ได้ โดยหวังว่าเขาจะแท็กชื่อร้านอาหารของเราไปด้วย ถ้าทำได้ก็จะทำให้ร้านของเรากลายเป็นที่สนใจของคนจำนวนมาก ฉะนั้น ถ้าร้านของคุณยังไม่มีอะไรแบบนี้ ก็รีบไปตกแต่งร้านหรือจัดหาพร็อพมาจัดเตรียมซะ
อิซากายะหมู่บ้าน (ดูเหมือนว่าเซ็นกับจิฮิโระและคาโอะนาชิจะมาเสิร์ฟอาหารในร้านนี้)
3. โซเชียลมีเดียเป็นหลัก
* ต้องใช้ช่องทางที่มีผู้ใช้งานเยอะๆ
แม้ว่าวงการร้านอาหารจะไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้มาก่อน แต่พอมีผู้ลงโฆษณาในธุรกิจแฟรนไชส์ร้านอาหารมากขึ้น ผมก็ได้ยินเรื่องนี้บ่อยขึ้นเรื่อยๆ
"ไม่มีที่แจกใบปลิวแล้ว"
การแจกใบปลิวให้กับคนจำนวนมากนั้น จริงๆ แล้วเคยได้ผลดีมาก สมัยที่ผมยังเด็กๆ
สมัยก่อน ผมเคยทำงานพาร์ทไทม์แจกใบปลิวให้กับร้านพิซซ่า 'รยูㅇㅇ' (ช่วงประถมปลาย-มัธยมต้น) จำได้ว่าตอนนั้นแจกใบปลิว 1,000 ใบ ได้เงิน 2,500 วอน ผมก็แจกใบปลิวตามอพาร์ทเมนต์เยอะมาก พอแจกใบปลิวครบ 10 ตึกในอพาร์ทเมนต์หนึ่ง ก็มักจะได้รับออเดอร์จากอพาร์ทเมนต์นั้นมากกว่าอพาร์ทเมนต์อื่นๆ แต่เนื่องจากเป็นธุรกิจอาหาร ก็เลยมีเรื่องเวลาในการทำอาหารและการหมุนเวียนของลูกค้า ทำให้ผมทำงานได้แค่ประมาณอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
เอาล่ะ ตอนนี้ อพาร์ทเมนต์ส่วนใหญ่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ต้องกดรหัสผ่านเข้าไป ทำให้ไม่สามารถแจกใบปลิวได้ จึงทำให้สถานที่ที่สามารถเข้าถึงลูกค้าผ่านใบปลิวลดลง
โดยธรรมชาติ จึงหันมาใช้การโฆษณาออนไลน์กันมากขึ้น ร้านอาหารหลายๆ ร้านเริ่มใช้แอปพลิเคชันอย่าง 'แพดัลออฟเดอะเนชั่น' (Baedal Minjok) แน่นอน สำหรับอาหารส่งถึงบ้านก็เป็นแบบนั้น แต่ร้านอาหารที่ไม่ส่งอาหารก็มีเยอะ ร้านเหล่านี้ก็สร้างช่องทางของตัวเอง บางร้านก็ใช้โซเชียลมีเดียส่งคูปอง หรือเป็นสงครามแย่งชิงลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์
4. ทีมทดลองชิม
* ในที่สุดก็ต้องพึ่งพาทีมทดลองชิม
ร้านอาหารส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาทีมทดลองชิม ผู้ใช้มักจะค้นหาข้อมูลเมื่อเกิดความสงสัย และพฤติกรรมในการค้นหาข้อมูลนี้ก็มักจะเกี่ยวข้องกับการได้รับข้อมูลผ่านประสบการณ์ทางอ้อมของผู้อื่น
แน่นอน ผู้ใช้หลายๆ คนรู้ว่าเนื้อหาที่ปรากฏในผลการค้นหามากมายนั้น ส่วนใหญ่เป็นโฆษณา ถึงแม้ว่าจะเป็นโฆษณา เขาก็ยังตัดสินใจจากเนื้อหาเหล่านั้นอยู่ดี
แต่สิ่งสำคัญก็คือ ถ้าไม่มีการแสดงผล ลูกค้า (ผู้ใช้) ก็จะไม่มีโอกาสได้ตัดสินใจ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องทำ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในปัจจุบัน ผู้คนมักจะได้ข้อมูลร้านอาหารอร่อยๆ จากรีวิวที่แสดงในเนเวอร์เพลส (Naver Place) และอินสตาแกรม แน่นอน ยูทูบก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน ในบรรดาช่องทางเหล่านี้ ยูทูบเป็นช่องทางที่แสดงฉากการทานอาหารด้วย ช่วยกระตุ้นต่อมน้ำลายของผู้ใช้ได้อย่างดี โอ้โห ถ้าเริ่มดูคลิปกินข้าว ก็หยุดดูไม่ได้เลย (พอเริ่มค้นหาคลิปกินข้าว ก็จะดูเพลินจนลืมเวลา)
5. บริการลูกค้า
* บริการลูกค้านั้น พูดซ้ำกี่ครั้งก็ไม่มากเกินไป
ที่ร้านซุนแดซิลล็อก (Sundae Sillok) ร้านซุนแด (เลือดหมู) อร่อยๆ ร้านหนึ่ง (ตอนแรกผมคิดว่าแค่ซุนแดจะอร่อยได้แค่ไหนกันเชียว? แต่ร้านนี้ทำให้ความคิดผมเปลี่ยนไปเลย) เพื่อนผมเล่าให้ฟังว่าเขาไปทานร้านนี้ ตอนนั้นเพื่อนๆ เขาไม่ดื่มเหล้า เลยสั่งเบียร์มาแค่คนเดียว แต่ทางร้านก็เอากระบอกเล็กๆ มาให้เพิ่มอีก 2 ใบ เพื่อนผมเลยบอกว่า
"ผมใช้แค่ใบเดียวก็พอครับ"
แล้วผู้จัดการร้านก็ตอบว่า
"ทานคนเดียวคงเหงา เก็บไปก่อนนะครับ ^^"
แค่นี้แหละ แค่มันต์สั้นๆ นี่แหละ
หลังจากนั้น ทั้งผมและเพื่อนก็ไปทานซุนแดที่ร้านนี้บ่อยขึ้น
ถ้าร้านไหนบริการลูกค้าไม่ดี ไม่ว่าอาหารจะอร่อยแค่ไหน ตกแต่งร้านสวยแค่ไหน ก็ไม่อยากไปอีกแล้วล่ะ มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ
ผมคิดว่า 5 ข้อที่กล่าวมาข้างต้น ก็เป็นกระแสที่กำลังมาแรงในวงการร้านอาหาร แน่นอน มันอาจจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด แต่ที่เห็นได้ชัดก็คือ ผู้ประกอบการร้านอาหารหลายๆ คนเริ่มสร้างช่องทางของตัวเองเพื่อดูแลแบรนด์ นั่นหมายความว่า พวกเขาตระหนักถึงความจำเป็นในการทำการตลาดเพื่อสร้างจุดเชื่อมต่อกับลูกค้า
ยุคที่เน้นแค่รสชาติอาหารอย่างเดียว มันผ่านพ้นไปแล้ว ตอนนี้ มีหลายอย่างที่ต้องดูแล จนบางทีก็รู้สึกเสียดาย เหมือนกับว่าความใส่ใจที่ควรจะทุ่มเทให้กับรสชาติอาหาร กลับต้องไปทุ่มเทให้กับเรื่องอื่นๆ แต่ในยุคที่ข้อมูลล้นหลามแบบนี้ และผู้ใช้โซเชียลมีเดียก็มีห้องสมุดส่วนตัวกันหมดแล้ว การทำการตลาดที่ต้องเข้าไปอยู่ในโซเชียลมีเดียของผู้ใช้เหล่านั้น มันก็เป็นเรื่องที่ยากอยู่เหมือนกัน
ความคิดเห็น0